Line 2: |
Line 2: |
| การประชุมสมัชชาโลกคือการรวมตัวกันของผู้คนในทุกประเทศทั่วโลกเพื่อถกเถียงปัญหาวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา | | การประชุมสมัชชาโลกคือการรวมตัวกันของผู้คนในทุกประเทศทั่วโลกเพื่อถกเถียงปัญหาวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา |
| | | |
− | '''<big>สมัชชาพลเมืองคืออะไร</big>''' | + | === '''<big>สมัชชาพลเมืองคืออะไร</big>''' === |
− | | |
| สมัชชาพลเมืองคือกลุ่มคนที่มาจากวิถีชีวิตหลากหลายมารวมตัวกันเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปได้ เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลและผู้นำทางความคิด และเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง. สมาชิกของสมัชชาพลเมืองนี้เป็นตัวแทนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการตั้งคำถามต่อเมืองหรือประเทศ (ในที่นี้คือต่อโลก) โดยดูจากฐานข้อมูลประชากร เช่น เพศ อายุ รายได้ และระดับการศึกษา | | สมัชชาพลเมืองคือกลุ่มคนที่มาจากวิถีชีวิตหลากหลายมารวมตัวกันเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปได้ เพื่อเสนอแนะต่อรัฐบาลและผู้นำทางความคิด และเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง. สมาชิกของสมัชชาพลเมืองนี้เป็นตัวแทนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการตั้งคำถามต่อเมืองหรือประเทศ (ในที่นี้คือต่อโลก) โดยดูจากฐานข้อมูลประชากร เช่น เพศ อายุ รายได้ และระดับการศึกษา |
| | | |
Line 72: |
Line 71: |
| หลายประเทศคาดหวังว่าจะเพิ่มการให้คำมั่นสัญญาทุก ๆ 5 ปีตั้งแต่ข้อตกลงปารีสเมื่อปี 2015 ก็มีบางประเทศพบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีมาตรการดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้ถึงอุณหภูมิเป้าหมายที่ 1.5 องศาเซลเซียส จากการสำรวจของอุณหภูมิ ณ.ปัจจุบัน ภาวะโลกร้อนจะพุ่งสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียสในปี 2040 หรือเร็วกว่านี้ และจะเพิ่มสูงขึ้นถ้าไม่มีการลงมือปฏิบัติเพิ่มเติมขณะนี้ | | หลายประเทศคาดหวังว่าจะเพิ่มการให้คำมั่นสัญญาทุก ๆ 5 ปีตั้งแต่ข้อตกลงปารีสเมื่อปี 2015 ก็มีบางประเทศพบความสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีมาตรการดำเนินการอย่างเร่งด่วนที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้ถึงอุณหภูมิเป้าหมายที่ 1.5 องศาเซลเซียส จากการสำรวจของอุณหภูมิ ณ.ปัจจุบัน ภาวะโลกร้อนจะพุ่งสูงถึง 1.5 องศาเซลเซียสในปี 2040 หรือเร็วกว่านี้ และจะเพิ่มสูงขึ้นถ้าไม่มีการลงมือปฏิบัติเพิ่มเติมขณะนี้ |
| | | |
− | * เเกือบ 2 ใน 3 หรือ 60% ของประชากรใน 50 ประเทศในขณะนี้ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภาวะฉุกเฉินทั่วโลก | + | * เกือบ 2 ใน 3 หรือ 60% ของประชากรใน 50 ประเทศในขณะนี้ เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภาวะฉุกเฉินทั่วโลก |
| * เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงทศวรรษของปี 2020 จึงเป็นช่วงที่ต้องทำการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ผู้นำระดับโลกจะมีการพบปะหารือกันในปีนี้ที่เมืองกลาสโกว์ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสภาพอากาศ รวมทั้งในประเทศจีน ที่ซึ่งผู้นำทั่วโลกจะพบปะพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางนิเวศวิทยา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลควรที่จะตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิกฤต 2 ด้านนี้ และพัฒนาเป้าหมายร่วมกัน รวมถึงการลงมือปฏิบัติที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างจริงจัง | | * เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายที่จะจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ในช่วงทศวรรษของปี 2020 จึงเป็นช่วงที่ต้องทำการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก ผู้นำระดับโลกจะมีการพบปะหารือกันในปีนี้ที่เมืองกลาสโกว์ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตสภาพอากาศ รวมทั้งในประเทศจีน ที่ซึ่งผู้นำทั่วโลกจะพบปะพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตทางนิเวศวิทยา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลควรที่จะตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิกฤต 2 ด้านนี้ และพัฒนาเป้าหมายร่วมกัน รวมถึงการลงมือปฏิบัติที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างจริงจัง |
| | | |
| สืบเนื่องมาจากเป้าหมายในความตกลงปารีสที่ได้ตั้งไว้ การประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ควรจะเป็นการสร้างแผนงานอย่างละเอียดเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในความตกลงปารีสนี้ การพิจารณาที่สำคัญในระหว่างการประชุมที่เมืองกลาสโกว์ ได้แก่ จะตกลงกันอย่างไรเกี่ยวกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะเวลาอันใกล้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โดยการเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิล การพัฒนาคุณภาพของการใช้พลังงาน การจำกัดการตัดไม้ทำลายป่า และการหาวิธีที่จะเปลี่ยนการให้คำมั่นสัญญาที่จะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ไปเป็นการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง | | สืบเนื่องมาจากเป้าหมายในความตกลงปารีสที่ได้ตั้งไว้ การประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ควรจะเป็นการสร้างแผนงานอย่างละเอียดเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในความตกลงปารีสนี้ การพิจารณาที่สำคัญในระหว่างการประชุมที่เมืองกลาสโกว์ ได้แก่ จะตกลงกันอย่างไรเกี่ยวกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะเวลาอันใกล้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โดยการเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิล การพัฒนาคุณภาพของการใช้พลังงาน การจำกัดการตัดไม้ทำลายป่า และการหาวิธีที่จะเปลี่ยนการให้คำมั่นสัญญาที่จะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ไปเป็นการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง |
| | | |
− | == <big>'''1. วิกฤตสภาพภูมิอากาศคืออะไร'''</big> == | + | == <big>'''วิกฤตสภาพภูมิอากาศคืออะไร'''</big> == |
| ''ในหัวข้อนี้เราจะจะสำรวจปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” มันคืออะไร และอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ และทำไมถึงเป็นเรื่องด่วนที่ต้องนำมาแก้ไข'' | | ''ในหัวข้อนี้เราจะจะสำรวจปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” มันคืออะไร และอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ และทำไมถึงเป็นเรื่องด่วนที่ต้องนำมาแก้ไข'' |
| | | |
Line 92: |
Line 91: |
| อุทกภัย ความแห้งแล้ง คลื่นความร้อนและพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติด้วยเช่นกัน แต่วิทยาศาสตร์ทางด้านสภาพภูมิอากาศได้บอกเราว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้ายมากขึ้น ซึ่งทำให้ประชากร 100 ล้านคนในโลกนี้เสี่ยงต่อการสูญเสียถิ่นที่พักอาศัย ถูกฆ่า หรือ ถูกทำร้าย หรือขาดแคลนอาหาร หรือไม่มีน้ำสะอาดที่จะบริโภค | | อุทกภัย ความแห้งแล้ง คลื่นความร้อนและพายุเฮอริเคนเกิดขึ้นก่อนการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติด้วยเช่นกัน แต่วิทยาศาสตร์ทางด้านสภาพภูมิอากาศได้บอกเราว่า การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทำให้เหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้ายมากขึ้น ซึ่งทำให้ประชากร 100 ล้านคนในโลกนี้เสี่ยงต่อการสูญเสียถิ่นที่พักอาศัย ถูกฆ่า หรือ ถูกทำร้าย หรือขาดแคลนอาหาร หรือไม่มีน้ำสะอาดที่จะบริโภค |
| | | |
− | == <big>'''2. วิกฤตทางด้านนิเวศวิทยาคืออะไร'''</big> == | + | == <big>'''วิกฤตทางด้านนิเวศวิทยาคืออะไร'''</big> == |
| ''มีผลกระทบอะไรบ้างจากการกระทำของมนุษย์ต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน ในหัวข้อนี้เราจะมุ่งศึกษาไปที่ประเด็นว่า ทำไมความหลากหลายทางชีวภาพจึงมีความสำคัญยิ่งต่อสุขภาพของมนุษย์ ความเจริญงอกงามและบทบาทของชุมชนพื้นเมืองทั่วโลก'' | | ''มีผลกระทบอะไรบ้างจากการกระทำของมนุษย์ต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน ในหัวข้อนี้เราจะมุ่งศึกษาไปที่ประเด็นว่า ทำไมความหลากหลายทางชีวภาพจึงมีความสำคัญยิ่งต่อสุขภาพของมนุษย์ ความเจริญงอกงามและบทบาทของชุมชนพื้นเมืองทั่วโลก'' |
| | | |
Line 109: |
Line 108: |
| ประชากรโลกเพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งหมายถึงถึงการเพิ่มขึ้นของคนที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศน์เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของพวกเขา การสูญเสียความหลากหลายทางด้านชีวภาพจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทศวรรษข้างหน้า ถ้าหากไม่มีการกระทำที่เร่งด่วนที่จะหยุดยั้งและแก้ไขความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ รวมถึงการจำกัดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกว่าวิกฤต | | ประชากรโลกเพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งหมายถึงถึงการเพิ่มขึ้นของคนที่ต้องพึ่งพาระบบนิเวศน์เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของพวกเขา การสูญเสียความหลากหลายทางด้านชีวภาพจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทศวรรษข้างหน้า ถ้าหากไม่มีการกระทำที่เร่งด่วนที่จะหยุดยั้งและแก้ไขความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ รวมถึงการจำกัดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงเรียกว่าวิกฤต |
| | | |
− | | + | === <big>บทบาทของชนพื้นเมืองดั้งเดิมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางนิเวศวิทยา</big> === |
− | <big>บทบาทของชนพื้นเมืองดั้งเดิมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางนิเวศวิทยา</big> | |
− | | |
| โดยเฉลี่ยแล้วแนวโน้มของการสูญเสียของระบบนิเวศนั้น มีความรุนแรงน้อยกว่าในพื้นที่ที่ถูกครอบครองและจัดการโดยชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น | | โดยเฉลี่ยแล้วแนวโน้มของการสูญเสียของระบบนิเวศนั้น มีความรุนแรงน้อยกว่าในพื้นที่ที่ถูกครอบครองและจัดการโดยชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น |
| | | |
Line 126: |
Line 123: |
| จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายศตวรรษอันยาวนานของการล่าอาณานิคมและการกีดกันกลุ่มคนต่าง ๆ เกือบ 3 เท่าของชนเผ่าพื้นเมืองมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างยากจนข้นแค้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมือง วิกฤตด้านความหลากหลายทางชีวภาพมีความผูกพันธ์กับอนาคตของวัฒนธรรมที่หลากหลายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงระบบองค์ความรู้ ภาษา และอัตลักษณ์ | | จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายศตวรรษอันยาวนานของการล่าอาณานิคมและการกีดกันกลุ่มคนต่าง ๆ เกือบ 3 เท่าของชนเผ่าพื้นเมืองมีแนวโน้มที่จะมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างยากจนข้นแค้นเป็นอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมือง วิกฤตด้านความหลากหลายทางชีวภาพมีความผูกพันธ์กับอนาคตของวัฒนธรรมที่หลากหลายอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงระบบองค์ความรู้ ภาษา และอัตลักษณ์ |
| | | |
− | == <big>'''3. ทำไมเราถึงตกอยู่ในวิกฤติภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา'''</big> == | + | == <big>'''ทำไมเราถึงตกอยู่ในวิกฤติภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา'''</big> == |
| ในหัวข้อนี้เราจะทำการค้นหาว่า ทำไมบางโลกทัศน์ที่ครอบงำโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ผ่านมาได้สร้างทัศนคติเกี่ยวกับธรรมชาติที่เป็นรากเหง้าไปสู่การเกิดวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา | | ในหัวข้อนี้เราจะทำการค้นหาว่า ทำไมบางโลกทัศน์ที่ครอบงำโลกตั้งแต่ศตวรรษที่ผ่านมาได้สร้างทัศนคติเกี่ยวกับธรรมชาติที่เป็นรากเหง้าไปสู่การเกิดวิกฤตทางสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยา |
| | | |
Line 149: |
Line 146: |
| สิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์นั้นเป็นข้อบังคับเบื้องต้นสำหรับเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการใช้ผลผลิตทางด้านเศรษฐกิจ หรือ ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นเครื่องวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องเสริมด้วย “หลักความมั่งคั่งอย่างครอบคลุม” ซึ่งหมายถึง ผลรวมของต้นทุนการผลิต ต้นทุนทางธรรมชาติและต้นทุนทางทรัพยากรมนุษย์ โดยต้องคำนึงถึงความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม แนวทางนี้จะเป็นมาตรฐานการวัดด้วยว่านโยบายเศรษฐกิจแห่งชาติมีความยั่งยืนสำหรับเยาวชนในวันนี้และในอนาคตหรือไม่ | | สิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์นั้นเป็นข้อบังคับเบื้องต้นสำหรับเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการใช้ผลผลิตทางด้านเศรษฐกิจ หรือ ผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เป็นเครื่องวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องเสริมด้วย “หลักความมั่งคั่งอย่างครอบคลุม” ซึ่งหมายถึง ผลรวมของต้นทุนการผลิต ต้นทุนทางธรรมชาติและต้นทุนทางทรัพยากรมนุษย์ โดยต้องคำนึงถึงความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม แนวทางนี้จะเป็นมาตรฐานการวัดด้วยว่านโยบายเศรษฐกิจแห่งชาติมีความยั่งยืนสำหรับเยาวชนในวันนี้และในอนาคตหรือไม่ |
| | | |
− | == <big>'''4. การเจรจาระหว่างประเทศ'''</big> == | + | == <big>'''การเจรจาระหว่างประเทศ'''</big> == |
| ผู้นำของโลกจะพบปะกันที่เมืองกลาสโกว์ในปีนี้เพื่อที่จะหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และในประเทศจีนที่ซึ่งจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับวิกฤตทางระบบนิเวศวิทยา ในหัวข้อนี้เราจะเรียนรู้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมายของการเจรจาเหล่านี้และจนถึงตอนนี้จุดมุ่งหมายได้บรรลุผลถึงขั้นใดแล้ว | | ผู้นำของโลกจะพบปะกันที่เมืองกลาสโกว์ในปีนี้เพื่อที่จะหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และในประเทศจีนที่ซึ่งจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับวิกฤตทางระบบนิเวศวิทยา ในหัวข้อนี้เราจะเรียนรู้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมายของการเจรจาเหล่านี้และจนถึงตอนนี้จุดมุ่งหมายได้บรรลุผลถึงขั้นใดแล้ว |
| | | |
− | | + | === A) การเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศบรรลุผลถึงขั้นใดแล้ว? === |
− | A) การเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศบรรลุผลถึงขั้นใดแล้ว? | |
− | | |
| นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ถูกกระทำโดยมนุษย์มาหลายทศวรรษแล้ว อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ได้ถูกลงนามที่เมืองริโอเดอจาเนโร ในปี 1992 และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) ได้ถูกจัดขึ้นทุก ๆ ปี มาตั้งแต่ปี 1995 จุดประสงค์ของการประชุมนี้ก็เพื่อที่จะเจรจาหาข้อตกลงว่า ควรที่จะทำอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและเพื่อที่จะนำเสนอมาตรการที่แต่ละประเทศควรจะนำไปแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ | | นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ถูกกระทำโดยมนุษย์มาหลายทศวรรษแล้ว อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ได้ถูกลงนามที่เมืองริโอเดอจาเนโร ในปี 1992 และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) ได้ถูกจัดขึ้นทุก ๆ ปี มาตั้งแต่ปี 1995 จุดประสงค์ของการประชุมนี้ก็เพื่อที่จะเจรจาหาข้อตกลงว่า ควรที่จะทำอะไรเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและเพื่อที่จะนำเสนอมาตรการที่แต่ละประเทศควรจะนำไปแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ |
| | | |
Line 194: |
Line 189: |
| การขาดการกระทำที่ชัดเจนและรวดเร็วในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะส่งผลให้รัฐบาลทั่วโลกเกิดค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล มีการประเมินว่าผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้วจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในปี 2030 นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายนี้แล้ว เหตุการณ์และรูปแบบของสภาพภูมิอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องต่อไป และจะมีผลกระทบในทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์ การทำมาหากิน อาหาร น้ำ ความหลากหลายทางด้านชีวภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ | | การขาดการกระทำที่ชัดเจนและรวดเร็วในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะส่งผลให้รัฐบาลทั่วโลกเกิดค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล มีการประเมินว่าผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้วจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในปี 2030 นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายนี้แล้ว เหตุการณ์และรูปแบบของสภาพภูมิอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องต่อไป และจะมีผลกระทบในทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์ การทำมาหากิน อาหาร น้ำ ความหลากหลายทางด้านชีวภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ |
| | | |
− | | + | === <big>B) การเจรจาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพสำเร็จถึงขั้นไหนแล้ว</big> === |
− | <big>B) การเจรจาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพสำเร็จถึงขั้นไหนแล้ว</big> | |
− | | |
| ความหลากหลายทางชีวภาพมีคุณค่าทางด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจและด้านชีววิทยาเป็นอย่างมาก แต่เท่าที่ผ่านมาเราได้ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น | | ความหลากหลายทางชีวภาพมีคุณค่าทางด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจและด้านชีววิทยาเป็นอย่างมาก แต่เท่าที่ผ่านมาเราได้ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น |
| | | |
Line 203: |
Line 196: |
| นอกเหนือไปจากความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว ยังมีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพอื่น ๆ อีก 5 ฉบับ คือ อนุสัญญาแรมซาร์, อนุสัญญาว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่มีการเคลื่อนย้ายถิ่น, อนุสัญญาไซเตส, สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร และอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก อย่างไรก็ดียังไม่มีเป้าหมายใดในเรื่องการตกลงระหว่างประเทศที่สำเร็จอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะมีการประชุมระหว่างประเทศอย่างมากมายในเรื่องของความสูญเสียทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นจึงสำคัญยิ่งสำหรับรัฐบาลที่ควรจะเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเริ่มพัฒนาเป้าหมายและการกระทำร่วมกันเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาใน 2 ประเด็นนี้ | | นอกเหนือไปจากความหลากหลายทางชีวภาพแล้ว ยังมีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพอื่น ๆ อีก 5 ฉบับ คือ อนุสัญญาแรมซาร์, อนุสัญญาว่าด้วยชนิดพันธุ์ที่มีการเคลื่อนย้ายถิ่น, อนุสัญญาไซเตส, สนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร และอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก อย่างไรก็ดียังไม่มีเป้าหมายใดในเรื่องการตกลงระหว่างประเทศที่สำเร็จอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะมีการประชุมระหว่างประเทศอย่างมากมายในเรื่องของความสูญเสียทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นจึงสำคัญยิ่งสำหรับรัฐบาลที่ควรจะเริ่มตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเริ่มพัฒนาเป้าหมายและการกระทำร่วมกันเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาใน 2 ประเด็นนี้ |
| | | |
− | == '''<big>5. ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยาในด้าน…</big>''' == | + | == '''<big>ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตทางนิเวศวิทยาในด้าน…</big>''' == |
| ในหัวข้อนี้เราจะศึกษาระดับของผลกระทบที่เกิดความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและวิกฤตทางชีววิทยาที่มีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์ รวมถึงระบบนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพทั่วทุกมุมโลก ผลกระทบเหล่านี้จะรุนแรงมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการลงมือแก้ปัญหาในปัจจุบัน | | ในหัวข้อนี้เราจะศึกษาระดับของผลกระทบที่เกิดความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและวิกฤตทางชีววิทยาที่มีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์ รวมถึงระบบนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพทั่วทุกมุมโลก ผลกระทบเหล่านี้จะรุนแรงมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับการลงมือแก้ปัญหาในปัจจุบัน |
| | | |
− | ''<big>…สุขภาพและการดำรงชีวิตของมนุษย์</big>'' | + | === ''<big>…สุขภาพและการดำรงชีวิตของมนุษย์</big>'' === |
− | | |
| การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ทำลายสุขภาพของมนุษย์ มนุษย์เกิดความเครียดที่เป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคภัยไข้เจ็บและและภาวะทุพโภชนาการอันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง เช่น ความแห้งแล้ง พายุเฮอริเคนและอุทกภัย ความเสี่ยงนี้เพิ่มขึ้นพร้อมกับภาวะโลกที่ร้อนขึ้น | | การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้ทำลายสุขภาพของมนุษย์ มนุษย์เกิดความเครียดที่เป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคภัยไข้เจ็บและและภาวะทุพโภชนาการอันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง เช่น ความแห้งแล้ง พายุเฮอริเคนและอุทกภัย ความเสี่ยงนี้เพิ่มขึ้นพร้อมกับภาวะโลกที่ร้อนขึ้น |
| | | |
Line 222: |
Line 214: |
| ในปลายปี 2020 นี้ ประมาณ 7 ล้านคนใน 104 ประเทศและอาณาเขต (ดินแดนเขตการปกครองที่ยังไม่ได้รับเอกราชของประเทศใดประเทศหนึ่ง) จะต้องอาศัยอยู่กันอย่างกระจัดกระจายซึ่งเป็นผลมาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปี 2019 และในปีก่อนหน้านี้ 5 ประเทศหลัก ๆ ซึ่งมีจำนวนของผู้ลี้ภัยอันเนื่องมาจากภัยพิบัติภายในประเทศที่มากที่สุด ได้แก่ ประเทศอัฟกานิสถาน (1.1 ล้านคน) อินเดีย (929,000 คน), ปากีสถาน (806,000 คน), เอธิโอเปีย (633,000 คน) และประเทศซูดาน (454,000 คน) ในปี 2017 ชาวอเมริกัน 1.5 ล้านคนต้องทำการอพยพอย่างถาวรและชั่วคราวไปยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศของตนเนื่องมาจากภัยพิบัตินี้ | | ในปลายปี 2020 นี้ ประมาณ 7 ล้านคนใน 104 ประเทศและอาณาเขต (ดินแดนเขตการปกครองที่ยังไม่ได้รับเอกราชของประเทศใดประเทศหนึ่ง) จะต้องอาศัยอยู่กันอย่างกระจัดกระจายซึ่งเป็นผลมาจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปี 2019 และในปีก่อนหน้านี้ 5 ประเทศหลัก ๆ ซึ่งมีจำนวนของผู้ลี้ภัยอันเนื่องมาจากภัยพิบัติภายในประเทศที่มากที่สุด ได้แก่ ประเทศอัฟกานิสถาน (1.1 ล้านคน) อินเดีย (929,000 คน), ปากีสถาน (806,000 คน), เอธิโอเปีย (633,000 คน) และประเทศซูดาน (454,000 คน) ในปี 2017 ชาวอเมริกัน 1.5 ล้านคนต้องทำการอพยพอย่างถาวรและชั่วคราวไปยังเมืองอื่น ๆ ในประเทศของตนเนื่องมาจากภัยพิบัตินี้ |
| | | |
− | ''<big>…ความมั่นคงทางอาหาร</big>'' | + | === ''<big>…ความมั่นคงทางอาหาร</big>'' === |
− | | |
| ความมั่นคงทางอาหาร หมายถึง การที่ประชากรทั้งหมดสามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามหลักโภชนาการ พร้อมทั้งตอบสนองต่อความชอบและความต้องการอาหาร เพื่อชีวิตที่มีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดี ความมั่นคงทางอาหารถูกคุกคามจากการสูญเสียแมลงผสมเกสรและการสูญเสียผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นผลที่มาจากวิกฤตทางนิเวศวิทยา และความสามารถของโลกในการสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านอาหารที่ถูกโภชนาการนั้นจะลดลง เนื่องมาจากความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง | | ความมั่นคงทางอาหาร หมายถึง การที่ประชากรทั้งหมดสามารถเข้าถึงการบริโภคอาหารได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามหลักโภชนาการ พร้อมทั้งตอบสนองต่อความชอบและความต้องการอาหาร เพื่อชีวิตที่มีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดี ความมั่นคงทางอาหารถูกคุกคามจากการสูญเสียแมลงผสมเกสรและการสูญเสียผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นผลที่มาจากวิกฤตทางนิเวศวิทยา และความสามารถของโลกในการสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นด้านอาหารที่ถูกโภชนาการนั้นจะลดลง เนื่องมาจากความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง |
| | | |
Line 238: |
Line 229: |
| ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารและการเข้าถึงแหล่งอาหารจะสูงขึ้นที่อุณหภูมิ 1.2 ถึง 2.5 องศาเซลเซียส และสูงขึ้นมากเมื่ออุณหภูมิขึ้นไปถึง 3-4 องศา โดยในระดับอุณหภูมิ 4 องศาจะเข้าสู่ภาวะหายนะ การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มข้นคาดว่าจะนำไปสู่การลดลงของปริมาณโปรตีนและปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในธัญพืชหลัก ๆ ที่สำคัญซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของปริมาณอาหารและความมั่นคงด้านทางอาหาร | | ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารและการเข้าถึงแหล่งอาหารจะสูงขึ้นที่อุณหภูมิ 1.2 ถึง 2.5 องศาเซลเซียส และสูงขึ้นมากเมื่ออุณหภูมิขึ้นไปถึง 3-4 องศา โดยในระดับอุณหภูมิ 4 องศาจะเข้าสู่ภาวะหายนะ การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เข้มข้นคาดว่าจะนำไปสู่การลดลงของปริมาณโปรตีนและปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในธัญพืชหลัก ๆ ที่สำคัญซึ่งจะนำไปสู่การลดลงของปริมาณอาหารและความมั่นคงด้านทางอาหาร |
| | | |
− | | + | === ''<big>…ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ</big>'' === |
− | | |
− | ''<big>…ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ</big>'' | |
− | | |
| ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำวัดจากปริมาณน้ำที่มี ความต้องการในการใช้น้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ | | ความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำวัดจากปริมาณน้ำที่มี ความต้องการในการใช้น้ำและคุณภาพของแหล่งน้ำ |
| | | |
Line 254: |
Line 242: |
| พื้นที่ชุ่มน้ำได้สูญหายไปทั่วโลกซึ่งเป็นการคุกคามคุณภาพของน้ำในทุกภูมิภาคทั่วโลก | | พื้นที่ชุ่มน้ำได้สูญหายไปทั่วโลกซึ่งเป็นการคุกคามคุณภาพของน้ำในทุกภูมิภาคทั่วโลก |
| | | |
− | | + | === <big>''…ความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นดินและระบบนิเวศ''</big> === |
− | | |
− | <big>''…ความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นดินและระบบนิเวศ''</big> | |
− | | |
| ระบบนิเวศคือระบบที่ค้ำจุนชีวิตของคนในโลกสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์และชีวิตอื่น ๆ ทั้งหมด หลายทศวรรษที่ผ่านมามนุษย์ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยาตามธรรมชาติอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ในด้านชีวิตความเป็นอยู่ เช่น การมีอายุขัยที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดีไม่ใช่คนทุกกลุ่มในโลกได้รับประโยชน์จากกระบวนการนี้และมีประชากรมากมายได้รับอันตราย สิ่งที่โลกต้องจ่ายสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เริ่มจะเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ เศรษฐกิจความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเจริญก้าวหน้าของสังคมกลายเป็นภาระที่โลกต้องจ่ายเพื่อจะรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ | | ระบบนิเวศคือระบบที่ค้ำจุนชีวิตของคนในโลกสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์และชีวิตอื่น ๆ ทั้งหมด หลายทศวรรษที่ผ่านมามนุษย์ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยาตามธรรมชาติอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงนี้ก่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ในด้านชีวิตความเป็นอยู่ เช่น การมีอายุขัยที่เพิ่มขึ้นและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดีไม่ใช่คนทุกกลุ่มในโลกได้รับประโยชน์จากกระบวนการนี้และมีประชากรมากมายได้รับอันตราย สิ่งที่โลกต้องจ่ายสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เริ่มจะเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อย ๆ เศรษฐกิจความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเจริญก้าวหน้าของสังคมกลายเป็นภาระที่โลกต้องจ่ายเพื่อจะรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ |
| | | |
Line 266: |
Line 251: |
| ในปี 2020 มีหน้าดินน้อยกว่า 1 ส่วน 4 ของโลกที่ยังคงใช้ประโยชน์ตามธรรมชาติได้โดยที่ระบบความหลากหลายทางชีวภาพไม่ถูกทำลาย โดย 1 ส่วน 4 ของหน้าดินนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นภูเขา บริเวณแห้งแล้งและบริเวณที่หนาวเย็น ดังนั้นจึงมีปริมาณประชากรอาศัยอยู่น้อย ทำให้การเปลี่ยนแปลงหน้าดินเกิดขึ้นไม่มาก | | ในปี 2020 มีหน้าดินน้อยกว่า 1 ส่วน 4 ของโลกที่ยังคงใช้ประโยชน์ตามธรรมชาติได้โดยที่ระบบความหลากหลายทางชีวภาพไม่ถูกทำลาย โดย 1 ส่วน 4 ของหน้าดินนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นภูเขา บริเวณแห้งแล้งและบริเวณที่หนาวเย็น ดังนั้นจึงมีปริมาณประชากรอาศัยอยู่น้อย ทำให้การเปลี่ยนแปลงหน้าดินเกิดขึ้นไม่มาก |
| | | |
− | | + | === <big>''…มหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตทางทะเล''</big> === |
− | | |
− | <big>''…มหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตทางทะเล''</big> | |
− | | |
| มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของความหลากหลายทางชีวภาพเริ่มจากจุลินทรีย์ไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลและระบบนิเวศวิทยาที่หลากหลาย โดย 2 ใน 3 ของมหาสมุทรทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่ร้ายแรง คือ การจับปลามากเกินไปหรือการประมงเกินขนาด การติดตั้งระบบสาธารณูปโภคและการขนส่งแถบชายฝั่งและนอกชายฝั่ง ภาวะความเป็นกรดในมหาสมุทรขยะและการไหลบ่าของแร่ธาตุลงสู่มหาสมุทร โดย 1 ใน 3 ของปลาทะเลในโลกถูกล่ามากเกินไปในปี 2015 ทำให้เกิดการขาดแคลนปริมาณปลาทะเลที่กักเก็บไว้สำหรับบริโภค ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร แร่ธาตุจากปุ๋ยที่ไหลลงไปสู่ระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งทำให้เกิด “พื้นที่มรณะ” (dead zone) มากกว่า 400 แห่ง รวมแล้วมากกว่า 245,000 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าขนาดของประเทศเอกวาดอร์หรือประเทศอังกฤษ โดยในปี 2021 เกิดการรั่วไหลของปุ๋ยจากโรงงานปุ๋ยที่ถูกทิ้งร้างในรัฐฟลอริดา ซึ่งทำให้เกิดดอกสาหร่ายที่เป็นปรากฏการณ์น้ำสีเขียวที่เป็นอันตรายต่อมหาสมุทรทำให้สัตว์น้ำตายไปหลายตัน | | มหาสมุทรเป็นที่อยู่อาศัยของความหลากหลายทางชีวภาพเริ่มจากจุลินทรีย์ไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลและระบบนิเวศวิทยาที่หลากหลาย โดย 2 ใน 3 ของมหาสมุทรทั่วโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ที่ร้ายแรง คือ การจับปลามากเกินไปหรือการประมงเกินขนาด การติดตั้งระบบสาธารณูปโภคและการขนส่งแถบชายฝั่งและนอกชายฝั่ง ภาวะความเป็นกรดในมหาสมุทรขยะและการไหลบ่าของแร่ธาตุลงสู่มหาสมุทร โดย 1 ใน 3 ของปลาทะเลในโลกถูกล่ามากเกินไปในปี 2015 ทำให้เกิดการขาดแคลนปริมาณปลาทะเลที่กักเก็บไว้สำหรับบริโภค ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร แร่ธาตุจากปุ๋ยที่ไหลลงไปสู่ระบบนิเวศวิทยาชายฝั่งทำให้เกิด “พื้นที่มรณะ” (dead zone) มากกว่า 400 แห่ง รวมแล้วมากกว่า 245,000 กิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าขนาดของประเทศเอกวาดอร์หรือประเทศอังกฤษ โดยในปี 2021 เกิดการรั่วไหลของปุ๋ยจากโรงงานปุ๋ยที่ถูกทิ้งร้างในรัฐฟลอริดา ซึ่งทำให้เกิดดอกสาหร่ายที่เป็นปรากฏการณ์น้ำสีเขียวที่เป็นอันตรายต่อมหาสมุทรทำให้สัตว์น้ำตายไปหลายตัน |
| | | |
Line 282: |
Line 264: |
| การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีตและในอนาคตจะเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของมหาสมุทร ธารน้ำแข็ง และระดับน้ำทะเลของโลก | | การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอดีตและในอนาคตจะเป็นความเสียหายที่ไม่สามารถย้อนกลับมาได้ในอีกหลายพันปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของมหาสมุทร ธารน้ำแข็ง และระดับน้ำทะเลของโลก |
| | | |
− | == <big>'''6. สถานการณ์และแนวทางต่าง ๆ'''</big> == | + | == <big>'''สถานการณ์และแนวทางต่าง ๆ'''</big> == |
| สถานการณ์จำลองเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิและแนวทางการบรรเทาปัญหาสภาพภูมิอากาศสำหรับอนาคตมีอะไรบ้าง รวมถึงมีความท้าทายและความไม่แน่นอนอย่างไร | | สถานการณ์จำลองเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิและแนวทางการบรรเทาปัญหาสภาพภูมิอากาศสำหรับอนาคตมีอะไรบ้าง รวมถึงมีความท้าทายและความไม่แน่นอนอย่างไร |
| | | |
− | <big>A. แบบจำลองภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ด้านการปล่อยก๊าซมลพิษและอุณหภูมิชั้นบรรยากาศ</big> | + | === <big>A. แบบจำลองภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงที่คาดการณ์ด้านการปล่อยก๊าซมลพิษและอุณหภูมิชั้นบรรยากาศ</big> === |
− | | |
| แบบจำลองภูมิอากาศ เป็นการสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อนจากคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ผลกระทบในอนาคตของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการปล่อยก๊าซพิษเข้าสู่ภูมิอากาศของโลก แบบจำลองเหล่านั้นยังสามารถนำมาใช้กับการค้นหาว่านโยบายและเทคโนโลยีต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาปัญหาด้านภูมิอากาศได้อย่างไร | | แบบจำลองภูมิอากาศ เป็นการสร้างแบบจำลองที่ซับซ้อนจากคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ผลกระทบในอนาคตของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการปล่อยก๊าซพิษเข้าสู่ภูมิอากาศของโลก แบบจำลองเหล่านั้นยังสามารถนำมาใช้กับการค้นหาว่านโยบายและเทคโนโลยีต่าง ๆ สามารถนำมาใช้เพื่อบรรเทาปัญหาด้านภูมิอากาศได้อย่างไร |
| | | |
Line 297: |
Line 278: |
| * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษระดับ “ปานกลาง” โดยกำหนดให้ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบันไปจนกระทั่งตอนกลางของศตวรรษ จากนั้นค่อย ๆ ลดลง อย่างช้า ๆ จะพบว่าระดับอุณภูมิของโลกจะขึ้นไปอยู่ที่ 2.1 – 3.5 องศาภายในปี 2100 | | * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษระดับ “ปานกลาง” โดยกำหนดให้ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์อยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบันไปจนกระทั่งตอนกลางของศตวรรษ จากนั้นค่อย ๆ ลดลง อย่างช้า ๆ จะพบว่าระดับอุณภูมิของโลกจะขึ้นไปอยู่ที่ 2.1 – 3.5 องศาภายในปี 2100 |
| * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษระดับ “ต่ำ” โดยชาวโลกร่วมมือกันตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไปในการลดการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ จะพบว่าการปล่อยคาร์บอนไดสุทธิจะไปถึงระดับที่เป็น “ศูนย์” (net-zero) ได้ภายในปี 2075 และอุณหภูมิของโลกจะขึ้นไปที่ระดับ 1.3 – 2.4 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 | | * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษระดับ “ต่ำ” โดยชาวโลกร่วมมือกันตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไปในการลดการปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ จะพบว่าการปล่อยคาร์บอนไดสุทธิจะไปถึงระดับที่เป็น “ศูนย์” (net-zero) ได้ภายในปี 2075 และอุณหภูมิของโลกจะขึ้นไปที่ระดับ 1.3 – 2.4 องศาเซลเซียสภายในปี 2100 |
− | * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษในระดับ “ต่ำมาก” การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จากลดลงอย่างรวดเร็วจากปี 2020 และจะเข้าสู่ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ได้ประมาณปี 2050 โดยระดับอุณหภูมิของโลกจะขึ้นไปอยู่ที่ 1.0 – 1.8 องศาเซลเซียสในช่วงท้ายของศตวรรษนี้<br /> | + | * ในสถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษในระดับ “ต่ำมาก” การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จากลดลงอย่างรวดเร็วจากปี 2020 และจะเข้าสู่ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ได้ประมาณปี 2050 โดยระดับอุณหภูมิของโลกจะขึ้นไปอยู่ที่ 1.0 – 1.8 องศาเซลเซียสในช่วงท้ายของศตวรรษนี้ |
− | <big>B. ความท้าทายและการได้อย่างเสียอย่าง</big>
| |
| | | |
| + | === <big>B. ความท้าทายและการได้อย่างเสียอย่าง</big> === |
| จากสถานการณ์จำลองทั้งหมดที่จัดทำโดย IPCC จะเห็นว่าโลกของเรามีแนวโน้มที่จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2040 และแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อธรรมชาติและมนุษย์ อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าหมายไว้ที่ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสยังคงขึ้นอยู่กับระดับการปล่อยมลพิษที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า และการให้ระดับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสได้นั้นต้องเป็นการปล่อยมลพิษในระดับต่ำ ๆ เท่านั้น | | จากสถานการณ์จำลองทั้งหมดที่จัดทำโดย IPCC จะเห็นว่าโลกของเรามีแนวโน้มที่จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2040 และแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อธรรมชาติและมนุษย์ อย่างไรก็ตามการตั้งเป้าหมายไว้ที่ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสยังคงขึ้นอยู่กับระดับการปล่อยมลพิษที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า และการให้ระดับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสได้นั้นต้องเป็นการปล่อยมลพิษในระดับต่ำ ๆ เท่านั้น |
| | | |
Line 326: |
Line 307: |
| การขาดการร่วมมือกันในระดับโลก รวมถึงการมีวิถีชีวิตที่เพิ่มการใช้คาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศา หากการให้คำมั่นสัญญาในปัจจุบันภายใต้ข้อตกลงปารีสในการตั้งเป้าหมายของแต่ละประเทศในการลดปัญหาโลกร้อนบรรลุผลได้ โลกเราก็ยังคงจะไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาได้ และอาจจะก้าวขึ้นไปถึงอุณหภูมิระดับ 3 องศา ซึ่งจะเกินเป้าหมายของข้อตกลงปารีสไปมาก และยังเกินระดับที่จะถือว่าปลอดภัยสำหรับมนุษยชาติด้วย | | การขาดการร่วมมือกันในระดับโลก รวมถึงการมีวิถีชีวิตที่เพิ่มการใช้คาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศา หากการให้คำมั่นสัญญาในปัจจุบันภายใต้ข้อตกลงปารีสในการตั้งเป้าหมายของแต่ละประเทศในการลดปัญหาโลกร้อนบรรลุผลได้ โลกเราก็ยังคงจะไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาได้ และอาจจะก้าวขึ้นไปถึงอุณหภูมิระดับ 3 องศา ซึ่งจะเกินเป้าหมายของข้อตกลงปารีสไปมาก และยังเกินระดับที่จะถือว่าปลอดภัยสำหรับมนุษยชาติด้วย |
| | | |
− | <big>C. ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษเป็นลบ</big> | + | === <big>C. ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษเป็นลบ</big> === |
− | | |
| สถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษในระดับ “ต่ำ” และ “ต่ำมาก” ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะใช้ในการกำจัดก๊าซเรือนกระจกที่ชื่อว่าเทคโนโลยีที่ “ปล่อยมลพิษเป็นลบ” ซึ่งจะนำมาใช้ในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ | | สถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษในระดับ “ต่ำ” และ “ต่ำมาก” ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะใช้ในการกำจัดก๊าซเรือนกระจกที่ชื่อว่าเทคโนโลยีที่ “ปล่อยมลพิษเป็นลบ” ซึ่งจะนำมาใช้ในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ |
| | | |
| นักวิทยาศาสตร์หลายคนกังวลว่าการให้คำมั่นสัญญาในอนาคตเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ดังเช่นการเอาก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ จะทำให้การลงมือทำในสิ่งที่จะต้องทำเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะยิ่งช้าไปอีก ในอดีตอุตสาหกรรมที่มีอำนาจมากเคยใช้การให้คำมั่นสัญญาในเรื่องการใช้เทคโนโลยีผลิตน้ำมันและเชื้อเพลิงเพื่อที่จะได้มีความชอบธรรมในการผลิตต่อไป เทคโนโลยีเฉกเช่น “ตัวดักจับคาร์บอน” ยังไม่สามารถเกิดขึ้นในระดับที่ใช้งานได้จริงได้อย่างแพร่หลาย ดังนั้นจึงเกิดคำถามสำคัญตามมาว่าเราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านั้นได้จริงหรือไม่ | | นักวิทยาศาสตร์หลายคนกังวลว่าการให้คำมั่นสัญญาในอนาคตเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ดังเช่นการเอาก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศ จะทำให้การลงมือทำในสิ่งที่จะต้องทำเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะยิ่งช้าไปอีก ในอดีตอุตสาหกรรมที่มีอำนาจมากเคยใช้การให้คำมั่นสัญญาในเรื่องการใช้เทคโนโลยีผลิตน้ำมันและเชื้อเพลิงเพื่อที่จะได้มีความชอบธรรมในการผลิตต่อไป เทคโนโลยีเฉกเช่น “ตัวดักจับคาร์บอน” ยังไม่สามารถเกิดขึ้นในระดับที่ใช้งานได้จริงได้อย่างแพร่หลาย ดังนั้นจึงเกิดคำถามสำคัญตามมาว่าเราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านั้นได้จริงหรือไม่ |
| | | |
− | <big>D. อะไรที่เราสามารถจะทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต</big> | + | === <big>D. อะไรที่เราสามารถจะทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต</big> === |
− | | |
| แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแน่นอนได้ การใช้ชีวิตอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศคือการใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอน ในหัวข้อนี้เราจะมองถึงวงจรสะท้อนกลับและจุดพลิกผันซึ่งเป็นตัวอย่างของความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในอนาคต | | แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทำนายอนาคตได้อย่างแน่นอนได้ การใช้ชีวิตอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศคือการใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอน ในหัวข้อนี้เราจะมองถึงวงจรสะท้อนกลับและจุดพลิกผันซึ่งเป็นตัวอย่างของความไม่แน่นอนของสภาพอากาศในอนาคต |
| | | |
Line 356: |
Line 335: |
| ในอีก 10 ปีข้างหน้า จำเป็นอย่างยิ่งที่วิธีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีที่สุดในภาวะปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะยังคงเป็นไปได้ที่จะเราจะไม่สามารถทำนายถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ความเข้าใจนี้สร้างความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คงยังมีโอกาสที่จะบรรลุความสำเร็จในการแก้ปัญหา ยังคงมีเวลาพอที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ถ้ามีการกระทำอย่างจริงจังเกิดขึ้นในขณะนี้ | | ในอีก 10 ปีข้างหน้า จำเป็นอย่างยิ่งที่วิธีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีที่สุดในภาวะปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะยังคงเป็นไปได้ที่จะเราจะไม่สามารถทำนายถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ความเข้าใจนี้สร้างความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คงยังมีโอกาสที่จะบรรลุความสำเร็จในการแก้ปัญหา ยังคงมีเวลาพอที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ถ้ามีการกระทำอย่างจริงจังเกิดขึ้นในขณะนี้ |
| | | |
− | == '''<big>7. การกระทำอะไรที่ได้ดำเนินการไปแล้ว</big>''' == | + | == '''<big>การกระทำอะไรที่ได้ดำเนินการไปแล้ว</big>''' == |
| 6 ปีผ่านมาแล้วหลังจากที่ได้มีการสร้างข้อตกลงปารีส มีการดำเนินงานอย่างไรบ้างของประเทศต่าง ๆ ในโลก เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการลดภาวะการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และอะไรที่พวกเราจำเป็นต้องทำให้มากกว่านี้ | | 6 ปีผ่านมาแล้วหลังจากที่ได้มีการสร้างข้อตกลงปารีส มีการดำเนินงานอย่างไรบ้างของประเทศต่าง ๆ ในโลก เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการลดภาวะการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และอะไรที่พวกเราจำเป็นต้องทำให้มากกว่านี้ |
| | | |
− | | + | === <big>การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน</big> === |
− | <big>การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน</big> | |
− | | |
| หนึ่งในการกระทำที่สำคัญที่สุดสาหรับทศวรรษนี้คือการเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานทดแทน แม้ว่าการเติบโตของพลังงานทดแทนจะสำคัญในการจะทำให้โลกเราออกจากการใช้พลังงานฟอสซิลแต่การเพิ่มขึ้นของพลังงานทดแทนก็ก่อให้เกิดการใช้พลังงานทุกอย่างมากขึ้นตามไปด้วย | | หนึ่งในการกระทำที่สำคัญที่สุดสาหรับทศวรรษนี้คือการเปลี่ยนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานทดแทน แม้ว่าการเติบโตของพลังงานทดแทนจะสำคัญในการจะทำให้โลกเราออกจากการใช้พลังงานฟอสซิลแต่การเพิ่มขึ้นของพลังงานทดแทนก็ก่อให้เกิดการใช้พลังงานทุกอย่างมากขึ้นตามไปด้วย |
| | | |
Line 376: |
Line 353: |
| การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2040 สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการเพิ่มเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขนส่ง (รถยนต์ไฟฟ้า) ด้านครัวเรือน เช่น ที่อยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมไปถึงประสิทธิภาพจากโรงงานอุตสาหกรรม ครัวเรือนทั่วโลกจะสามารถประหยัดไปได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในเรื่องของบิลค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า แก๊สธรรมชาติเพื่อการหุงต้มและเครื่องทำความร้อน รวมไปถึงเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ | | การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2040 สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการเพิ่มเข้าไปในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขนส่ง (รถยนต์ไฟฟ้า) ด้านครัวเรือน เช่น ที่อยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมไปถึงประสิทธิภาพจากโรงงานอุตสาหกรรม ครัวเรือนทั่วโลกจะสามารถประหยัดไปได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในเรื่องของบิลค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า แก๊สธรรมชาติเพื่อการหุงต้มและเครื่องทำความร้อน รวมไปถึงเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ |
| | | |
− | | + | === <big>การอนุรักษ์และการฟื้นฟู</big> === |
− | <big>การอนุรักษ์และการรักษา</big> | |
− | | |
| ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของพื้นดิน มลพิษทางน้ำและทางอากาศนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกันทั้งหมด การท้าทายที่สำคัญ คือ การตระหนักถึงการเชื่อมโยงกันของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้และเพื่อให้มั่นใจว่าการกระทำที่จะแก้ปัญหาสิ่งหนึ่งจะไม่มีผลกระทบต่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างไม่คาดคิด เช่น การแทนที่การปลูกพืชพันธุ์พื้นเมืองด้วยการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการจัดหาพลังงานชีวภาพ หรือ การทำลายระบบนิเวศเพื่อที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทดแทน การปลูกป่าขนาดใหญ่ด้วยพืชพื้นเมืองเป็นการแก้ปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของพื้นดินและมลพิษทางน้ำและทางอากาศไปพร้อม ๆ กัน | | ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของพื้นดิน มลพิษทางน้ำและทางอากาศนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกันทั้งหมด การท้าทายที่สำคัญ คือ การตระหนักถึงการเชื่อมโยงกันของเหตุการณ์ทั้งหมดนี้และเพื่อให้มั่นใจว่าการกระทำที่จะแก้ปัญหาสิ่งหนึ่งจะไม่มีผลกระทบต่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างไม่คาดคิด เช่น การแทนที่การปลูกพืชพันธุ์พื้นเมืองด้วยการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการจัดหาพลังงานชีวภาพ หรือ การทำลายระบบนิเวศเพื่อที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทดแทน การปลูกป่าขนาดใหญ่ด้วยพืชพื้นเมืองเป็นการแก้ปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของพื้นดินและมลพิษทางน้ำและทางอากาศไปพร้อม ๆ กัน |
| | | |
Line 385: |
Line 360: |
| การเกษตรกรรมเป็นตัวผลักดันที่สำคัญยิ่งต่อการสูญเสียความหลากหลายทางด้านชีวภาพและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงจากระบบการผลิตอาหารเป็นการใช้วิธีทางเกษตรกรรมโดยใช้ธรรมชาติเป็นตัวช่วย เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการรักษาระบบนิเวศวิทยาทางธรรมชาติและความสามารถของดินที่จะกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การเกษตรที่ยั่งยืนมีความสามารถในการอนุรักษ์และรักษาดินและระบบนิเวศ ทั้งยังช่วยปรับปรุงความหลากหลายทางด้านชีวภาพของท้องถิ่นมากกว่าที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เสื่อมสภาพลง เกษตรกรรายย่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรกรหญิง คือความท้าทายอย่างหนึ่งในการบรรลุความสำเร็จในเรื่องความมั่นคงด้านทรัพยากรอาหารอย่างยั่งยืนและมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาบทบาททางการเงิน การศึกษาและการอบรม รวมไปถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ | | การเกษตรกรรมเป็นตัวผลักดันที่สำคัญยิ่งต่อการสูญเสียความหลากหลายทางด้านชีวภาพและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงจากระบบการผลิตอาหารเป็นการใช้วิธีทางเกษตรกรรมโดยใช้ธรรมชาติเป็นตัวช่วย เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการรักษาระบบนิเวศวิทยาทางธรรมชาติและความสามารถของดินที่จะกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การเกษตรที่ยั่งยืนมีความสามารถในการอนุรักษ์และรักษาดินและระบบนิเวศ ทั้งยังช่วยปรับปรุงความหลากหลายทางด้านชีวภาพของท้องถิ่นมากกว่าที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เสื่อมสภาพลง เกษตรกรรายย่อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรกรหญิง คือความท้าทายอย่างหนึ่งในการบรรลุความสำเร็จในเรื่องความมั่นคงด้านทรัพยากรอาหารอย่างยั่งยืนและมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาบทบาททางการเงิน การศึกษาและการอบรม รวมไปถึงเทคโนโลยีและสารสนเทศ |
| | | |
− | | + | === <big>จิตสำนึกต่อโลก</big> === |
− | <big>จิตสำนึกต่อโลก</big> | |
− | | |
| จากรายงานพิเศษเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน 1.5 องศาเซลเซียสของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (IPCC) ในปี 2018 และหน่วยงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและการให้บริการของระบบนิเวศ (Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services-IPBES) ซึ่งประเมินในปี 2019 ได้กล่าวว่าจิตสำนึกของโลกที่เกี่ยวกับวิกฤตทางภูมิอากาศและวิกฤตระบบนิเวศได้เพิ่มมากขึ้นมากมายอย่างเห็นได้ชัด | | จากรายงานพิเศษเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน 1.5 องศาเซลเซียสของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (IPCC) ในปี 2018 และหน่วยงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและการให้บริการของระบบนิเวศ (Intergovernmental Science-Policy Platform on Biodiversity and Ecosystem Services-IPBES) ซึ่งประเมินในปี 2019 ได้กล่าวว่าจิตสำนึกของโลกที่เกี่ยวกับวิกฤตทางภูมิอากาศและวิกฤตระบบนิเวศได้เพิ่มมากขึ้นมากมายอย่างเห็นได้ชัด |
| | | |
Line 404: |
Line 377: |
| นอกเหนือจากการสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงและสิทธิพลเมืองแล้วนั้น แต่ละบุคคลสามารถที่จะเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปสู่การใช้คาร์บอนระดับต่ำในอนาคตได้โดยการกระทำของแต่ละบุคคล แต่ละบุคคลมีบทบาทในการที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประชากรในหลายประเทศจะมีบทบาทในการลดก๊าซนี้มากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของแต่ละคน เช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวเอง เช่น การทานอาหารให้น้อยลงหรือไม่ทานเนื้อสัตว์ และพฤติกรรมในการเดินทาง เช่น ลดการขับรถให้น้อยลงหรือลดการเดินทางโดยเครื่องบินให้น้อยลง หรือลดพฤติกรรมการกินทิ้งกินขว้าง และลดพฤติกรรมในการใช้น้ำและพลังงานที่มากเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยอนุรักษ์และปกป้องความหลากหลายทางด้านชีวภาพ ประชาชนทุกคนควรที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ได้โดยการปลูกจิตสานึกในชุมชนของตนเอง | | นอกเหนือจากการสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และการใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงและสิทธิพลเมืองแล้วนั้น แต่ละบุคคลสามารถที่จะเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปสู่การใช้คาร์บอนระดับต่ำในอนาคตได้โดยการกระทำของแต่ละบุคคล แต่ละบุคคลมีบทบาทในการที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประชากรในหลายประเทศจะมีบทบาทในการลดก๊าซนี้มากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของแต่ละคน เช่น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวเอง เช่น การทานอาหารให้น้อยลงหรือไม่ทานเนื้อสัตว์ และพฤติกรรมในการเดินทาง เช่น ลดการขับรถให้น้อยลงหรือลดการเดินทางโดยเครื่องบินให้น้อยลง หรือลดพฤติกรรมการกินทิ้งกินขว้าง และลดพฤติกรรมในการใช้น้ำและพลังงานที่มากเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยอนุรักษ์และปกป้องความหลากหลายทางด้านชีวภาพ ประชาชนทุกคนควรที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ได้โดยการปลูกจิตสานึกในชุมชนของตนเอง |
| | | |
− | == '''<big>8. การกระจายความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นธรรม</big>''' == | + | == '''<big>การกระจายความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นธรรม</big>''' == |
| ในศตวรรษที่ผ่านมา บางประเทศมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมากและประเทศอื่นเริ่มทำการปล่อยก๊าซพิษนี้ตามลำดับ ซึ่งเหตุผลของการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซทั่วโลกทุก ๆ ปีในขณะนี้ เป็นสาเหตุมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง ทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซพิษในศตวรรษนี้เกือบทั้งหมดจะมาจากประเทศที่กำลังพัฒนา | | ในศตวรรษที่ผ่านมา บางประเทศมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมากและประเทศอื่นเริ่มทำการปล่อยก๊าซพิษนี้ตามลำดับ ซึ่งเหตุผลของการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซทั่วโลกทุก ๆ ปีในขณะนี้ เป็นสาเหตุมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทวีปเอเชีย ตะวันออกกลาง ทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซพิษในศตวรรษนี้เกือบทั้งหมดจะมาจากประเทศที่กำลังพัฒนา |
| | | |
Line 433: |
Line 406: |
| เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบระหว่างรุ่นของคน หมายถึงคนรุ่นเก่าได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยมีผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่คนรุ่นใหม่กาลังได้รับผลที่ตามมาของการกระทำนี้ | | เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบระหว่างรุ่นของคน หมายถึงคนรุ่นเก่าได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยมีผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในขณะที่คนรุ่นใหม่กาลังได้รับผลที่ตามมาของการกระทำนี้ |
| | | |
− | == '''<big>9. การประชุมสุดยอดด้านภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP26) และก้าวต่อ ๆ ไป</big>''' == | + | == '''<big>การประชุมสุดยอดด้านภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (COP26) และก้าวต่อ ๆ ไป</big>''' == |
| เรื่องฉุกเฉินเร่งด่วนของสภาพอากาศและระบบนิเวศได้เกิดขึ้นกับเราแล้วและกำลังจะเลวร้ายลงเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องและมนุษย์ยังคงทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสียหายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อทศวรรษก่อนหน้านี้ และเกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการจำกัดภาวะโลกร้อนสูงสุดที่อุณหภูมิ 1.5 องศานั้น เราจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างหนักภายในปี 2020 ถึง 2030 และในทศวรรษข้างหน้า | | เรื่องฉุกเฉินเร่งด่วนของสภาพอากาศและระบบนิเวศได้เกิดขึ้นกับเราแล้วและกำลังจะเลวร้ายลงเนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องและมนุษย์ยังคงทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสียหายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้นเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อทศวรรษก่อนหน้านี้ และเกิดขึ้นทั่วโลกแล้ว เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการจำกัดภาวะโลกร้อนสูงสุดที่อุณหภูมิ 1.5 องศานั้น เราจำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างหนักภายในปี 2020 ถึง 2030 และในทศวรรษข้างหน้า |
| | | |